top of page

มาทำความรู้จัก "ท่าเรือสำราญหลักในไทย" ปราการด่านแรกรับนั่งท่องเที่ยวที่มาทางเรือสำราญ



ด้วยความที่ประเทศไทยมีพื้นที่ติดกับทะเล ทำให้มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวแบบเรือสำราญ มีจุดแวะพักที่ได้รับความนิยมอย่างมาก นักท่องเที่ยวเดินทางมาในลักษณะ ท่าเรือแวะพัก (Port of Call) ในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก


 

ท่าเรือสำราญหลักของไทยมีที่ไหนบ้าง ?

ถ้าพูดถึงท่าเรือสำราญหลักของประเทศไทยเอง มีอยู่ด้วยกัน 4 ท่าเรือ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย


1.ท่าเรือแหลมฉบัง (Laem Chabang Port)



ตั้งอยู่ในตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ห่างจากพัทยาไปทางเหนือ 25 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 110 กิโลเมตร จัดเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยกันเลยทีเดียว

ท่าเรือแหลมฉบังมี การท่าเรือแห่งประเทศไทย เป็นเจ้าของ และบริหารงานโดยรวม สำหรับงานบริหารและประกอบการท่าเทียบเรือดำเนินการโดยให้ผู้ประกอบการเอกชนเช่าประกอบการ โดยมีทั้งสายเดินเรือ ผู้ส่งออก และผู้ประกอบการท่าเรือนั่นเอง

 

ท่าเรือแหลมฉบัง มีปริมาณเรือเทียบท่ากว่า 8,118 ลำ ด้วยกัน และไม่ใช่แค่นำนักท่องเที่ยวเข้ามาที่ประเทศเท่านั้น ยังนำนักท่องเที่ยวเดินทางโดยเรือสำราญไปต่างประเทศอีกด้วย




ยกตัวอย่างเส้นทาง เช่น จากท่าเรือแหลมฉบังไปกัมพูชา แวะเกาะฟู้โกว๊กในเวียดนาม เข้าเกาะสมุย แล้วมาจบที่ท่าเรือแหลมฉบัง หรือจะเป็นท่าเรือแหลมฉบังแวะเกาะสมุย ไปจบที่สิงคโปร์ หรือแม้แต่เริ่มที่ท่าเรือแหลมฉบังไปยังท่าเรือฟูมาย เมืองนครโฮจิมินห์ ไปดานังในเวียดนาม ต่อไปที่เซินเจิ้นประเทศจีน แล้วไปจบที่ฮ่องกง เป็นต้น


 

ท่าเทียบเรือสำราญในท่าเรือแหลมฉบังนั้นจะอยู่ที่ ท่าเทียบเรือ A1 ดำเนินการโดยบริษัท เอ็น วาย เค ออโต้ โลจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด NYK Auto logistics (Thailand) ซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งท่าเทียบเรือโดยสาร และท่าเทียบเรือรถยนต์ด้วยนั่นเอง ความยาวหน้าท่าอยู่ที่ 365 เมตร ลึก 14 เมตรจากระดับทะเลปานกลาง และรับเรือโดยสารขนาด 70,000 เดทเวทตัน (DWT)



สำหรับอาณาเขตติดต่อของท่าเทียบเรือ A1 คือ ทางทิศเหนือไปจนถึงถนนทางเข้าท่าเทียบเรือ A2 และA3 ทางทิศตะวันตก ไปจนถึงท่าเทียบเรือ A2 ทางทิศใต้ไปจนถึงแอ่งจอดเรือ ทางทิศตะวันออกไปจนถึงถนนภายในท่าเรือแหลมฉบังนั่นเอง โดยมีพื้นที่ท่าเทียบเรือ A1 แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่พื้นที่บนท่า เป็นพื้นที่ติดกับน้ำ กว้างราวๆ 30 เมตร มียางกันกระแทก (Fender) 31 ตัว มีพุก (Bollard) 16 ตัว และพื้นที่ส่วนที่สองคือ พื้นที่หลังท่า เป็นส่วนของอาคาร และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่เกี่ยวกับกิจกรรมท่าเทียบเรือโดยสาร อย่าง อาคารที่พักผู้โดยสารที่รองรับได้ 1,500 คนต่อเที่ยวเรือ ลานจอดรถโดยสาร และรถยนต์ ระบบบำบัดน้ำเสีย จุดรวบรวมขยะ และอาคารป้อมยาม



 

บริเวณท่าเทียบเรือสำราญที่แหลมฉบังมีตู้ขายอาหาร และเครื่องดื่มไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว มีจุดให้บริการข้อมูลสำหรับนักท่องเที่ยว ร้านของฝาก บริเวณเขตปลอดภาษี รวมไปถึงบริการรถบัส และแท็กซี่อีกด้วย


 

เรือสำราญที่มาจอดที่แหลมฉบังมีตั้งแต่ขนาดกลาง ไปจนถึงขนาดใหญ่ และเคยมีโอกาสได้เป็น Homeport ให้กับเรือสำราญ Costa Cruises (Costa Asia) เรือสำราญ Costa Victoria หรือจาก Star Cruises (GHK brand) อย่าง SuperStar Gemini ด้วย




หรือจะเป็นท่าเรือแวะพัก World Cruise เรือขนาดใหญ่ที่ล่องรอบโลกอย่าง Queen Mary 2, Europa, Crystal serenity นอกจากนี้ยังมี Diamond Princess, Supphire Princess, TUI, Holland America Line ms Westerdam เป็นต้น




 

การเดินทางมาท่าเรือแหลมฉบัง ให้ขับรถจากสาธรไปทางด่วน ไปทางบางนาพอเลยอาจณรงค์ ให้ชิดซ้ายตามป้ายบูรพาวิถี ลงบูรพาวิถี ชิดซ้ายเข้าบายพาสอ้อมตัวเมืองชลบุรี ชิดขวาขึ้นสะพานไปออกทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายตรง ไปแหลมฉบังได้เลย จากนั้นก็ดูตามป้ายเพื่อไปท่าเรือแหลมฉบัง



 

2.ท่าเรือภูเก็ต (Phuket Port)

ท่าเรือภูเก็ตอยู่ในทะเลอันดามัน (Andaman Sea) เป็นท่าเรือสินค้าทั่วไปที่ใหญ่ที่สุดในชายฝั่งอันดามัน แต่เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนเศรษฐกิจมาพึ่งพิงการท่องเที่ยวแทนการส่งออกแร่ดีบุก และด้วยความที่สามารถรองรับเรือขนาด 20,000 ตัน กินน้ำลึก 9 เมตรได้ เรือท่องเที่ยวขนาดใหญ่จึงเข้าเทียบท่าเพื่อรับส่งนักท่องเที่ยว โดยเรือสำราญจะจอดที่ทางใต้สุดของป่าตอง (Patong) หรือที่ท่าเรือน้ำลึก อ่าวมะขาม (Ao Makham Deep Seaport)



ซึ่งจัดเป็นท่าเรือน้ำลึกที่สำคัญของภูเก็ต ตั้งอยู่ที่ตำบลวิชิต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ขนาดท่าเทียบเรือ ประมาณ 360 เมตร เทียบได้ไม่เกิน 180 เมตร เทียบได้ 2 ลำ ใช้โครงสร้างท่าท่าเทียบเรือแบบแท่งคอนกรีต สิ่งอำนวยความสะดวกเช่น โรงพักสินค้าขนาดกว้าง 40 เมตร ยาว 90 เมตร รวมเนื้อที่ 3,600 ตารางเมตร และสำหรับโรงพักสินค้าเองก็มีสำนักงานท่าเรือรวมอยู่ด้วย 240 ตารางเมตรนั่นเอง อาคารซ่อมบำรุงเครื่องจักรขนาดกว้าง 10 เมตร ยาว 18 เมตร สาธารณูปโภคต่าง ๆ เช่น ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ และวิทยุสื่อสาร เป็นต้น

 

ท่าเทียบเรือน้ำลึกภูเก็ต อ่าวมะขาม ยังไม่สามารถให้บริการเรือสำราญขนาดใหญ่ได้ เพราะเรือส่วนใหญ่จะกินน้ำลึกมากกว่า 9 เมตรขึ้นไป แต่ที่นี่ยังมีความลึกไม่เพียงพอ ท่าเรือยังจำเป็นต้องพัฒนาจุดร่องน้ำให้ลึก ขึ้นขยายจุดกลับเรือให้ใหญ่ขึ้น รวมทั้งทำแนวกันคลื่นให้สำเร็จจึงจะสามารถเทียบท่าได้


การแก้ปัญหาในปัจจุบัน จึงยังต้องให้เรือขนาดใหญ่จอดกลางทะเลลึก ขนถ่ายผู้โดยสารลงเรือเล็ก และผ่านโป๊ะกลางทะเลที่หาดป่าตอง การขนถ่ายผู้โดยสารจะใช้เวลา 1 ชั่วโมงต่อเที่ยว ซึ่งเสี่ยงต่อคลื่นลมแรงนั่นเอง ดังนั้นการมาใช้บริการเทียบท่าของนักท่องเที่ยวจึงยังไม่มีความสะดวกและรวดเร็วเพียงพอ

 


แม้การเดินทางมายังไม่สะดวกเท่าที่ควร แต่ด้วยเสน่ห์ของภูเก็ตนักท่องเที่ยวก็ยังคงนิยมที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว พักผ่อนอยู่ตลอด โดยจากท่าเรือภูเก็ตสามารถไปยังแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติต่างๆ อย่างถ้าขับรถแค่ 35 นาที ก็จะถึงชายหาดที่เงียบสงบอย่างหาดกะรน (Karon Beach) หรือจะเที่ยวชมเกาะ และหาดทรายแสนสวยในภูเก็ตก็ได้ด้วย



หากขับรถประมาณ 40 นาที ก็สามารถไปยังจุดชมวิวแหลมพรหมเทพ เพื่อไปชมพระอาทิตย์ตกก่อนใคร ที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย หรือใช้เวลาขับรถพอๆ กันเพื่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตอย่าง หาดป่าตอง (Patong Beach)



แต่ถ้าใครอยากไปชมโชว์ตระการตาไม่เหมือนใครก็ต้องที่ภูเก็ตแฟนตาซี ซึ่งขับรถไปราวๆ 50 นาทีเท่านั้น




 

การเดินทางมาท่าเรือภูเก็ต เราสามารถขับรถมาจากภูเก็ตได้โดยทางหลวงหมายเลข 4023 ถนนศักดิเดช (ภูเก็ต-อ่าวมะขาม) ท่าเรือจะห่างจากตัวเมืองภูเก็ตอยู่ที่ประมาณ 8 กิโลเมตรเท่านั้น หากมาจากสนามบินขับรถระยะทางประมาณ 43 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราวๆ 56 นาทีก็ถึงท่าเรือแล้ว

 

3. ท่าเรือกรุงเทพ (Bangkok Port)



ท่าเรือกรุงเทพ เรียกย่อๆ ว่า PAT (PORT AUTHORITY OF THAILAND) หรือที่รู้จักกันว่า ท่าเรือคลองเตย ท่าเรือระหว่างประเทศแห่งแรก และเป็นท่าเรือหลักของไทยอีกด้วย โดยเป็นท่าเรือน้ำลึกที่จอดเรือขนาดใหญ่ได้ อยู่ในความดูแลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยา ปากคลอง พระโขนง ตำบลคลองเตย กรุงเทพฯ มีข้อจำกัดเรื่องขนาดพื้นที่ที่ไม่สามารถขยายได้แล้ว เพราะอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ นั่นเอง



สำหรับท่าเทียบเรือท่องเที่ยวจะอยู่ที่เขื่อนตะวันตก มีความยาวหน้าท่า 133 เมตร สามารถรับเรือที่มีความยาวไม่เกิน 172.25 เมตร กินน้ำลึกไม่เกิน 8.23 เมตร ได้ 1 ลำ จึงเหมาะสำหรับรองรับเรือขนาดกลางถึงเล็ก (ยอช์ทคลับ) แต่มีแผนขยายรองรับการจอดเรือได้ 2 ลำพร้อมกัน รวมทั้งสร้างอาคารที่ทำการหลังใหม่ 2 ชั้น เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการตรวจสอบสัมภาระและผ่านกระบวนการด้านความปลอดภัยของผู้โดยสาร เป็นที่ตั้งหน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง กรมศุลกากร ศูนย์สินค้าปลอดภาษีอากร ศูนย์จำหน่ายสินค้าโอทอป และกิจกรรมเพื่อนักท่องเที่ยวอื่นๆ



นอกจากนี้ก็มีแผนปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ระบบดูแลความปลอดภัย ให้สัญญาณอินเตอร์เน็ตไวไฟตลอดเวลาเทียบเรือ จัดห้องบริการพิเศษสำหรับผู้สูงอายุ และสอดแทรกแนวคิดอารยสถาปัตย์ เอื้อให้คนพิการหรือผู้สูงงอายุ เข้าถึงการใช้งานทุกองค์ประกอบได้ เช่น ทางลาดรถเข็น ห้องน้ำที่ออกแบบเฉพาะ ซึ่งการปรับปรุงทั้งหมดนี้ เชื่อว่าจะช่วยตอกย้ำความพร้อมของการเป็นท่าเรือหลักอีกแห่งของประเทศได้ในอนาคต


 

เรือสำราญที่มาเทียบท่าที่ ท่าเรือกรุงเทพ เช่น Silver Shadow by Silversea, Azamara Quest Cruise, Oceania Nautica by Oceania Cruises หรือแม้แต่เรือสำราญในโครงการเรือเยาวชนเอเชียอาคเนย์อย่าง Nippon Maru และ Fuji Maru เป็นต้น



 


การเดินทางมาท่าเรือกรุงเทพ สามารถเรียกแท็กซี่ฝั่งโรงงานยาสูบ หรือนั่ง MRT ลงสถานีศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และขึ้นฝั่งซอยไผ่สิงโต (ตรงข้ามศูนย์ประชุมฯ) แล้วต่อรถแท็กซี่ไปได้เลย ถ้าเดินทางมาจากสนามบินสุวรรณภูมินระยะทางประมาณ 34 กิโลเมตร ขับรถแบบไม่ติดใช้เวลาราวๆ 40 นาที แต่เนื่องจากท่าเรือนี้อยู่ในทำเลใจกลางเมืองคงต้องบวกเวลาสำหรับรถติดกันไว้ด้วย



 

4) ท่าเรือสมุย (Koh Samui Port)




ถึงแม้ว่า เกาะสมุย จะเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดนิยมของทั้งชาวไทย และต่างประเทศ แต่ละปีจะมีเรือสำราญเดินทางมายังเกาะสมุยมากกว่า 100 ลำต่อปี แต่ก็ไม่สามารถจอดเทียบท่าได้



นักท่องเที่ยวจึงต้องต่อเรือเล็กมาขึ้นฝั่งนั่นเอง สำหรับท่าเรือหลักของเกาะสมุยเป็นท่าเรือเฟอร์รี่ตั้งอยู่ที่หน้าทอน (Nathon) ทางชายฝั่งตะวันตกของเกาะสมุย เป็นจุดรับส่งผู้โดยสารทั้งขาเข้า และขาออก ตั้งอยู่ที่ หมู่ 3 ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฏร์ธานี ทันทีที่มาถึงก็จะพบว่าอยู่ที่ใจกลางเมืองแล้ว




 

ใกล้ๆ ท่าเรือหน้าทอนมีทั้งโรงแรม ที่พักมากมาย ร้านอาหาร บริษัททัวร์ ไว้บริการนักท่องเที่ยว


และสามารถเดินทางจากท่าเรือหน้าทอน (Nathon Pier) ไปยัง หาดเฉวง (Chaweng Beach) ใช้เวลาเพียง 40 นาที



ไปเที่ยวชมสัตว์ที่สวนสัตว์ซาฟารีนาเมือง (Namuang Safari Park) ได้เดินทางเพียง 20 นาที



ถ้าชอบการดำน้ำก็ไปที่ท่องเที่ยวสุดฮิตอย่างเกาะเต่าได้ระยะทางนั่งเรือจากเกาะสมุยไปยังเกาะเต่าประมาณ 74 กิโลเมตร หรือจะเที่ยวรอบเกาะสมุยเพื่อสัมผัสความงามของธรรมชาติและสัตว์ป่า บนเกาะสมุยก็ยังได้




 

โดยเรือสำราญที่จะมาเทียบท่าที่นี่ ก็จะมีเช่น Costa Fortuna หรือ Super star Gemini เป็นต้น




 

การเดินทางมายังท่าเรือเกาะสมุย หากมาจากสนามบินสามารถซื้อตั๋วรถ และเรือจากสนามบินถึงท่าเรือหน้าทอนได้เลย โดยรถจะไปยังท่าเรือดอนสักฝั่งสุราษฏร์ธานี จากตรงนี้จะมีบริการเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากไปเกาะสมุยคือ บริษัทซีทรานเฟอร์รี่ ออกจากท่าเรือดอนสัก ไปยังท่าเรือหน้าทอนที่เกาะสมุย หากนั่งรถมาจากสนามบินสุราษฏร์ธานีไปท่าเรือดอนสักระยะทางประมาณ 91 กิโลเมตร ใช้เวลาราวๆ 1ชั่วโมง 30 นาที และต่อเรือเฟอร์รี่โดยเรือซีทรานเฟอร์รี่ไปถึงท่าเรือหน้าทอนใช้เวลาอีก 1ชั่วโมง 30 นาที รวมเวลาการเดินทางราวๆ 3 ชั่วโมง


 


อยากทำงานบน"เรือสำราญ" รายได้ดี เที่ยวฟรีทั่วโลก สมัครเรียนได้ที่


เรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่ 👉 www.c-hot.org 👈


หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่



LINE : @C-HOT

โทรสอบถาม

089-732-3015 อาจารย์ตุ๊ก / 085-578-3243 อาจารย์เนย์ / 082-261-4068 แอดมินก้อย



ดู 28 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page